นโยบายและแนวทางปฏิบัติในการแจ้งเบาะแส

บริษัท ยูเรกา ดีไซน์ จำกัด มหาชน (“บริษัทฯ”) ได้จัดทำแนวทางปฏิบัติในการแจ้งเบาะแส (Whistle Blowing Policy) ขึ้นเพื่อสนับสนุนและให้ความสำคัญแก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นบุคลากรจากองค์กรภายใน หรือจากบุคคลภายนอก สามารถแจ้งเบาะแสในกรณีที่อาจเกิดการทุจริตคอร์รัปชัน หรือผิดต่อจริยธรรมทางธุรกิจ หรือกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยกันปรับปรุงแก้ไข หรือดำเนินการให้เกิดความถูกต้อง เหมาะสม โปร่งใส และมีประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งปรับปรุงพัฒนากระบวนการทำงานเพื่อให้สอดคล้องกับหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีและเป็นไปตามมาตรฐานสากล ตลอดจนกำหนดให้มีการคุ้มครองการแจ้งเบาะแส

วัตถุประสงค์

  • เพื่อให้การดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ และการปฏิบัติงานของพนักงานทุกระดับเป็นไปอย่างถูกต้อง โปร่งใส ยุติธรรมตรวจสอบได้ โดยเป็นไปตามกฎหมาย หลักการกำกับลูแลกิจการที่ดี จริยธรรมธุรกิจ และกฎระเบียบ ข้อบังคับต่างๆ ของบริษัท
  • เพื่อให้ผู้แจ้งเบาะแสและผู้ที่เกี่ยวข้องซึ่งให้ความร่วมมือกับบริษัทฯด้วยความสุจริต ได้รับความคุ้มครองและได้รับการป้องกันอย่างเหมาะสมและเป็นธรรมจากการถูกกลั่นแกล้งอันเนื่องมาจากการแจ้งเบาะแส
  • เพื่อให้การดำเนินการแจ้งเบาะแสมีประสิทธิภาพและเป็นไปตามมาตรฐานสากล

ช่องทางการแจ้งเบาะแส

  1. Email: whistleblowing@eurekadesign.co.th
  2. หนังสือ: ส่งไปที่
    ประธานคณะกรรมการตรวจสอบ
    บริษัท ยูเรกา ดีไซน์ จำกัด(มหาชน),
    เลขที่ 19 หมู่ 11 , ถนน สายไหม 85 แยก 2,
    ตำบล ลาดสวาย, อำเภอลำลูกกา, จังหวัดปทุมธานี 12150
  3. เว็ปไซต์บริษัท: https://www.eurekadesign.co.th/eureka/
  4. Call Center : 02-192-3737

หลักการพิจารณาของบริษัทฯ

  1. ข้อมูลการแจ้งเบาะแสควรถูกยกขึ้นด้วยเจตนาที่ดี ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว
  2. เรื่องที่ไม่ระบุผู้แจ้งเบาะแส จะไม่ได้รับการพิจารณาและไม่กระทำการใดใดทั้งสิ้น
  3. ผู้ที่มีส่วนร่วมในการสืบสวนเรื่องทุจริตจะต้องเก็บข้อมูลและผลการสืบสวนไว้เป็นความลับ

แนวทางการปฏิบัติ

  1. ผู้แจ้งเบาะแส สามารถแจ้งเบาะแสการกระทำผิด เป็นลายลักษณ์อักษร และลงนามพร้อมให้ความร่วมมือในการให้ข้อมูลเพิ่มเติม (ถ้าได้รับการร้องขอ) และส่งไปยังประธานคณะกรรมการตรวจสอบผ่านช่องทางการแจ้งเบาะแสตามข้อ 3
  2. ผู้รับแจ้งเบาะแสจะต้องเก็บข้อมูลทั้งหมดเป็นความลับโดยไม่เปิดเผยข้อมูลให้บุคคลอื่นทราบหากนำข้อมูลที่ล่วงรู้ไปเปิดเผย บริษัทฯ จะพิจารณาโทษทางวินัย
  3. ประธานคณะกรรมการตรวจสอบ ตรวจสอบข้อมูลการแจ้งเบาะแสนั้น ว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการประพฤติผิดหรือมีพฤติกรรมอันชวนสงสัยว่ากระทำผิด หรือไม่ โดยการพิจารณาและสรุปข้อเท็จจริงเบื้องต้น ใช้เวลาประมาณ 30-60 วัน (ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนในการหาข้อเท็จจริง)
    1. กรณีที่ข้อกล่าวหานั้นไม่เข้าข่ายหรือไม่เป็นที่น่าสงสัยเพียงพอที่จะเกิดการทุจริต คอร์รัปชันและไม่มีความจำเป็นต้องสืบสวน หากคณะกรรมการตรวจสอบไม่มีข้อสงสัยให้เลขานุการบริษัทแจ้งไปยังผู้แจ้งเบาะแสให้ทราบว่าเหตุใดจึงไม่มีการสืบสวน
    2. กรณีที่ข้อกล่าวหานั้นเข้าข่ายหรือเป็นที่น่าสงสัยเพียงพอที่จะเกิดการทุจริต คอร์รัปชันและมีความจำเป็นต้องสืบสวน คณะกรรมการตรวจสอบอาจตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริงหรือแนะนำวิธีการแก้ไขที่เหมาะสม หรือการดำเนินการทางวินัยตามที่เห็นสมควร
    3. เลขานุการบริษัท จัดทำรายงานสรุปข้อเท็จจริง เสนอต่อคณะกรรมการบริษัทฯ โดยผ่านคณะกรรมการตรวจสอบ
    4. เมื่อการสอบสวนสิ้นสุดลง เลขานุการบริษัทจะดำเนินการแจ้งให้ผู้แจ้งเบาะแสที่เปิดเผยตนเองให้ทราบถึงผลการสอบสวนดังกล่าว ภายใน 7 วันทำการนับแต่วันที่สรุปผล
    5. ข้อมูลการแจ้งเบาะแส และเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมดจะถูกเก็บไว้เป็นความลับ โดยมีระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลและเอกสารไม่น้อยกว่า 3 ปี

มาตรการคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแส

ผู้แจ้งเบาะแสโดยความสุจริตใจ จะได้รับการคุ้มครองที่เหมาะสม รวมถึงผู้ที่ให้ความร่วมมือในการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยบริษัทฯ จะเก็บข้อมูลและตัวตนของผู้แจ้งเบาะแสเป็นความลับ หากกรณีที่บริษัทฯมีความจำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูล บริษัทฯจะเปิดเผยข้อมูลเฉพาะ ข้อมูลที่จำเป็นเท่านั้น โดยคำนึงถึง ความปลอดภัย และความเสียหายของผู้แจ้งเบาะแส

การแจ้งเบาะแสอันเป็นเท็จ

ผู้แจ้งเบาะแสย่อมตระหนักและเข้าใจเป็นอย่างดีว่าการแจ้งเบาะแสจะต้องกระทำโดยสุจริต ไม่มีเจตนากลั่นแกล้งองค์กรหรือบุคคล หรือโดยมีเจตนาไม่สุจริต ไม่เป็นธรรม หากผู้แจ้งเบาะแสได้ให้ข้อมูลอันเป็นเท็จ บริษัทฯจะดำเนินการตามขั้นตอนของบริษัทฯ หรือตามระเบียบของบริษัทฯ หรือตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับผู้แจ้งเบาะแสตามความเหมาะสมแล้วแต่กรณีต่อไป

บทลงโทษ

  1. หากผู้ถูกกล่าวหาได้กระทำความผิดจริง ผู้กระทำผิดจะต้องได้รับการพิจารณาโทษทางวินัยตามระเบียบของบริษัทฯ กำหนดไว้ และหากการกระทำผิดนั้นเป็นการกระทำที่ผิดต่อกฎหมาย ผู้กระทำผิดนั้นอาจจะต้องได้รับโทษทางกฎหมายไม่ว่าในทางแพ่งและทางอาญาหรือตามกฎหมายอื่นด้วย ทั้งนี้ ให้โทษทางวินัยตามระเบียบ และ/หรือ คำตัดสินของคณะกรรมการตรวจสอบ หรือคณะกรรมการบริษัทถือเป็นอันสิ้นสุด หากผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้บริหาร หรือกรรมการ คำตัดสินของคณะกรรมการที่ไม่มีส่วนได้เสียเป็นอันสิ้นสุด
  2. บุคลากรของบริษัทฯ ที่ปฏิบัติต่อบุคคลอื่นด้วยวิธีการที่ไม่เป็นธรรม เลือกปฏิบัติด้วยวิธีการที่ไม่เหมาะสม หรือก่อให้เกิดความเสียหายต่อบุคคลอื่น อันมีเหตุจูงใจมาจากการที่บุคคลอื่นนั้นได้ร้องเรียน ได้แจ้งข้อมูล หรือให้เบาะแสเกี่ยวกับการกระทำผิด ถือเป็นการกระทำผิดวินัยที่ต้องรับโทษ ทั้งนี้ อาจได้รับโทษตามที่กฎหมายกำหนดไว้หากกระทำความผิดตามกฎหมาย